Review / CHOBJAI NIGHT MOVIE
CHOBJAI NIGHT MOVIE

เดิมทีบ้านสองใจนั้นถูกออกแบบให้ใช้งานทั้งเพื่อถ่ายภาพนิ่งจนถึงการถ่ายทำระดับภาพยนตร์ได้ โจทย์แรกของตัวบ้านคือ ต้องเอื้อให้การถ่ายทำทั้ง 2 รูปแบบได้เสมอ รวมถึงวิธีการติดตั้งที่ค่อนข้างต้องคุยกันเยอะมากว่าบริเวณไหนที่จะแนบเนียน และสามารถถ่ายในตอนกลางวันได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เซ็ตไว้

ไอเดียแรกสุดของการออกแบบไฟบ้าน คือเอามาจากแสงในภาพยนตร์ เพราะภาพยนตร์มักจะจัดแสงที่ใกล้เคียงความเป็นจริง แล้วสามารถนำไปถ่ายได้เลย โดยที่ไม่ต้องแต่งเดิมมากนัก หนังที่เลือกมาเป็นแนวคิดคือ ซีรี่ย์ Stranger Things ด้วยความสดของสีหลอดนีออนในหนัง และลูกเล่นของไฟในบ้านของแม่ลูกวิลเลอร์ ที่เป็นไฟคริสมาสต์ ต่อมาก็คือ The Only God Forgive ที่ถ่ายเมืองไทย แสงหลายๆอย่างถูกใช้จากสถานที่จริง แล้วมีอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ตามท้องตลาด เช่น LED สี หรือบริบทของสถานที่ต่างๆ นอกจากนั้นก็เป็น Music Video ที่มีลักษณะห้องคล้ายคลึงกับหนังสองเรื่องที่เลือกมา

      บริเวณนอกบ้านมีไอเดียคือ ต้องการสร้างทิศทางและสีของแสงที่แตกต่างอย่างชัดเจนกับไฟบ้านเดิมที่เคยติดตั้งไว้ เพื่อสร้างความตื่นตากับภาพจำเดิมของบ้านด้วยหวังผลให้สีเหล่านี้เข้าไปในบ้าน รวมถึงหลอดไฟในบ้านส่วนใหญ่มักเป็นสีโทนอุ่น เลยเลือกใช้หลอดไฟรอบบ้านเป็นสีโทนเย็น ตั้งใจใช้สีเขียวที่ไปทางน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่ให้ความเหมือนสีหลอด Fluorescence ที่ถูกถ่ายด้วยฟิล์ม แต่ท้องตลาดนั้นไม่มี จึงเลือกเป็น Ice blue ที่ยังพอไปด้วยกันได้กับคอนเซปแรก แล้วไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสีที่พังเมื่อถ่ายรูปออกมา แบบ สี Soild blue ที่น้ำเงินสนิทไปเลย

      ลานนอกบ้านที่โล่งก็ดูโล่งจนน่ามีกิมมิคในการที่ให้คนมาถ่ายรูปได้เล่นสนุกกันได้ง่าย เลยเลือกทำเป็นปฏิมากรรม หลอด LED แท่งที่สามารถย้ายให้ไปถ่ายรูปตามจุดต่างๆได้ง่าย แล้วใหญ่พอสมควรที่จะนำคนเข้าไปเล่นข้างในโครงสร้างได้

      ส่วนภายในบ้าน ไอเดียแรกสุดคือจำเป็นต้องเลือกสีไฟที่แตกต่างกับสีภายนอกบ้านค่อนข้างชัดเจน แล้วแรงมากพอที่จะถ่ายรูปด้วยโคมไฟนั้นได้เลย และแต่ละห้องก็จะใช้โทนทีที่แตกต่างกัน เพื่อให้มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น ชั้นล่างฝั่งห้องครัวมีต้นคริสมาสต์เดิม เลยเลือกใช่ไฟตามบริบทเดิมของต้นคริสมาสต์เดิม ตรงเคาท์เตอร์ครัวที่อยู่ลึกสุดคือโจทย์ค่อนข้างยากที่จะเลือกวางไฟให้เหมาะสม เพราะบริเวณนั้นถูกใช้ถ่ายทำในตอนกลางวันค่อนข้างบ่อย จึงเลือกติดตั้งไฟข้างนอกเป็นหลอด LED ยาว ผูกกันให้ดูเป็นกราฟฟิค ทำให้มีกำลังมากพอจะเป็นแหล่งแสงเข้ามาในบ้านได้ และสามารถถอดออกได้อย่างง่ายดายถ้าต้องการถ่ายทำตอนกลางวัน ส่วนห้องรับแขกข้างล่างนั้น จุดเด่นคือโคมไฟตั้งโต๊ะจึงเลือกให้เป็นแหล่งแสงหลักของห้องไป

      สำหรับโถงบันไดไอเดียแรกสุดนั้นคือตั้งใจใช้โคมที่ห้อยเดิมของบ้าน แล้วตกแต่งด้วยสีอะคริลิค แต่เนื่องจากตรงนั้นมีโอกาสถูกถ่ายติดได้ง่าย เลยเปลี่ยนไปใช้แหล่งแสงจากข้างนอกแทน โดยเลือกสีที่คล้ายคลึงกับห้องรับแขกขั้นบน ที่เป็นสีแดง และ ฟ้า ที่ได้ไอเดียมาจากฉากร้านคาราโอเกะในเรื่อง The only god forgive โต๊ะรับแขกก็ถูกซ้อนหลอดไฟ เพื่อเป็นอีกหนึ่งแหล่งแสงในฉาก และสามารถเคลื่อนย้ายได้ เพราะสามารถถอดปลั๊กออก แล้วเก็บทุกอย่างให้เนียน เมื่อต้องถ่ายในตอนกลางวัน

      ห้องนอนเล็กหลังบ้าน มีไอเดียแรกคือ อยากเล่นกับหน้าต่างที่คนละสีกัน จึงเลือกให้หน้าต่างบานนึงเป็นสีแดง อีกบานเป็นสีเดิมของไฟรอบบ้าน แล้วแทรกลูกเล่นด้วยไฟใต้เตียงกับไฟดิสโก้บอล ห้องนอนใหญ่ ด้วยความอยากให้มีความรู้สึกดูเป็นห้องเก่าๆ เลยเลือกสีที่ใกล้ความเป็นจริงประมาณนึง จึงเป็นสีเหลืองอุ่นๆ จากโคมไฟหัวเตียง แล้วเลือกให้ฝั่งหนึ่งเป็นสีเหลืองคลายคลึงกับแสงไฟจากริมถนน ห้องนอนเล็กหน้าบ้านจะเป็นห้องที่ค่อนข้างโล่งและดูเหงาหน่อยๆ จึงเลือกเป็นสีเขียวคลุมพื้นที่ ให้ดูวังเวงขึ้น แต่ก็ยังมีสีแดงจากโคมไฟตั้งโต๊ะเพื่อเข้ามาลดความน่ากลัวลงไป

      นอกจากจะจัดไฟให้ห้องต่างๆในบ้านตามคอนเซปแล้ว ก็สามารถเพิ่มความสนุกขึ้นได้อีก ด้วยอุปกรณ์ที่เราจัดไว้ให้ เรียกได้ว่า เต็มอิ่มตลอดทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นโซนสนามหญ้าหน้าบ้าน พื้นกระเบื้องข้างบ้าน ห้องนั่งเล่นทั้ง 2 โซน ห้องครัว ห้อนนอน ระเบียง หรือแม้กระทั่งห้องน้ำ เรียกได้ว่า ครบทุกโซนของบ้านจริงๆ